ปลดล็อกกัญชาล่าสุด ปลดล็อกกัญชาเสรี มีผลอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้

ปลดล็อกกัญชาล่าสุดจากการประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ได้มีผลประกาศต่อกัญชาและกัญชงโดยตรง นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป เปิดเสรีปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ ในประเภทที่ 5 ส่งผลทำให้ส่วนต่างๆ ของกัญชาไม่มีสถานะเป็นยาเสพติดอีกต่อไป ทั้งเปลือก ช่อดอก กิ่งก้าน ลำต้น ราก ใบ เส้นใย รวมถึงกัญชาสดหรือแห้ง กาก และเศษที่อาจเหลือจากการสกัดกัญชานั้นเอง

มาทำความรู้จัก!!!การปลดล็อกกัญชาล่าสุด กัน

จากข้อความที่ปรากฏตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข การปลดล็อกกัญชาล่าสุดอย่างเสรีได้นั้น มีข้อยกเว้นที่ระบุไว้เกี่ยวกับสารสกัดของกัญชาและกัญชง ที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล : Tetrahydrocannabinol หรือ THC ซึ่งเป็นสารเสพติดที่ให้ความมึนเมาเกินกว่าปริมาณร้อยละ 0.2% (ยกเว้นการสกัดจากเมล็ด) ซึ่งทั้งหมดนั้นถือเป็นยาเสพติดที่ให้โทษ แต่ยังคงมีสรรพคุณทางการแพทย์สำหรับการรักษาและทางวิทยาศาสตร์ต่อไป เรามาลองทำความรู้จักกันดีกว่าว่า เมื่อได้ ปลดล็อกกัญชาล่าสุดแล้ว รวมไปถึงการเปิดตลาดตอนรับกัญชาอย่างเสรีแล้ว จะมีผลอย่างไรบ้าง อะไรที่สามารถทำได้ และอะไรที่ยังไม่สามารถทำได้เลย เราได้รวบรวมเอาไว้ให้คุณแล้ว

ปลดล็อกกัญชาล่าสุด แจกต้นกล้ากัญชาฟรี

ถ้าอยากได้ต้นกล้ากัญชาแบบฟรี!!! จะต้องทำอย่างไรกันบ้าง นี่คือข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกต้นกัญชาได้อย่างเสรี ขั้นตอนที่สำคัญจะต้องมีการจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชันชื่อว่า “ปลูกกัญ” หรือ “Plook Ganja” เพื่อสามารถทำได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ สำหรับข้อมูลในเบื้องต้น ซึ่งผู้ที่ขอจดแจ้งปลูกต้นกัญชานั้นจะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป

กัญชาใช้อะไรทำได้ และทำอะไรไม่ได้บ้าง

แม้ว่าการปลดล็อกกัญชาล่าสุดจะมีประกาศให้ใช้กัญชาได้แล้ว แต่ประชาชนมีความจำเป็นต้องรู้ข้อมูลและรายละเอียดของการใช้ผลผลิตจากกัญชาให้ถูกขั้นตอนตามข้อกำหนดของบทกฎหมาย เพื่อสามารถมานำมาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และไม่เสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีด้วยนั้นเอง

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของ พ.ร.บ.สาธารณสุขกฎหมายใหม่ ได้ระบุข้อความเอาไว้ตอนหนึ่งว่า “ยังไม่มีการอนุญาตให้ใช้เพื่อการสันทนาการ โดยการสูบกัญชาเพื่อการสันทนาการ หากมีการพบเห็นหรือร้องเรียน ผู้สูบจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท”

เมื่อได้มีการขอจดแจ้งการปลูกกัญชาจากกรณีที่ได้ปลดล็อกกัญชาล่าสุดนั้นแล้ว เพื่อสำหรับการเพาะปลูกไว้ภายในครัวเรือน ยังสามารถนำทุกส่วนของต้นกัญชาไปใช้ทำประโยชน์ได้ทั้งหมด ทั้งในเรื่องของการดูแลสุขภาพของตัวเอง คนในครอบครัว เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การประกอบอาหาร ผสมเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหาร(ในปริมาณตามที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้) และเครื่องสำอางได้

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผู้ประกอบการที่มีความประสงค์เพาะปลูกกัญชาในเชิงพาณิชย์สามารถแจ้งจดผ่านแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” หรือ “Plook Ganja” เช่นเดียวกัน ซึ่งจากข้อมูล ณ ปัจจุบัน เมื่อได้ทำการแจ้งจดผ่านแอปพลิเคชันเรียบร้อยแล้ว สามารถดำเนินการเพาะปลูกได้ ซึ่งยังไม่ต้องมีข้อกำหนดให้จดทะเบียน

ซึ่งจากข้อมูลการปลดล็อกกัญชาล่าสุดนั้น หากผู้ประกอบการ มีความประสงค์ต้องการนำกัญชามาใช้เพื่อการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับออกจำหน่าย ทั้งเครื่องสำอาง ยาสมุนไพร เครื่องดื่ม และอาหาร ยังคงต้องดำเนินการขออนุญาตยาสมุนไพร

กรณีของการนำเข้า หากเป็นเมล็ดพันธุ์ของพืชกัญชา จะต้องดำเนินการจออนุญาตจากหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรณีของผลิตภัณฑ์ จะต้องดำเนินการขออนุญาตและจดทะเบียนกับสำนักงานองค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์กัญชาด้วยนั้นเอง

แม้ว่าการปลดล็อกกัญชาล่าสุด จะเปิดโอกาสอย่างเสรี แต่แท้ที่จริงแล้วยังมีกฎหมายรองรับความปลอดภัย สำหรับการไม่ใช้กัญชาและกัญชงบนท้องถนนในช่วงเวลาขณะการขับขี่ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวสติสัมปชัญญะถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เพื่อป้องกันอันตรายและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทั้งต่อตนเองและผู้อื่นได้นั้นเอง

ขอบคุณเครดิตรูปภาพอ้างอิง